การฝึกจิตให้เข้มแข็ง
วันที่ 01/08/2566 08:59:25 - เขียนโดย Admin



ในการฝึกจิตให้เข้มแข็ง เพื่อสามารถรับมือกับสภาวะหรือความรู้สึกที่เราไม่ต้องการ รวมถึงความเครียดได้ เราควรเข้าใจธรรมชาติของจิตก่อน

จิตมีอยู่สองระดับ: จิตภายนอก (ใช้ในการเก็บและเรียกคืนข้อมูล คิด วิเคราะห์ รู้สึก และสร้างอารมณ์) และจิตภายใน (ว่างเปล่าหรือเป็นอิสระ)

จากการเลี้ยงดู การศึกษาในระบบ และการฝึกอบรมในสายอาชีพ เราเรียนรู้ให้ใช้จิตภายนอกเพื่อจำรหัสและความหมาย เรียกคืนข้อมูล และประเมินสิ่งต่าง ๆ กล่าวคือ จิตภายนอกใช้สำหรับการเรียนรู้ การใช้เหตุผล หรือการตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดี คนที่ฉลาดสามารถใช้จิตภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจำและดึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

ในทางกลับกัน จิตภายในแทบไม่เป็นที่รู้จัก และถูกละเลยในระบบการศึกษา
จิตภายในมีลักษณะ "นิ่ง ว่าง โล่ง และเฉย ปราศจากการตัดสิน" ดังนั้น มันจึงเป็นอิสระจากข้อมูล อารมณ์ และที่สำคัญคือ ปราศจากตัวตนหรืออัตตา
จริง ๆ แล้วจิตภายในอยู่กับเราตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่เรามองไม่เห็น เพราะมันถูกปกคลุมด้วยวัตถุทางความคิด ทางภาพ หรือทางประสาทสัมผัสที่ปรากฏในจิตภายนอก วัตถุเหล่านี้เป็นต้นเหตุของความทุกข์ในชีวิต เช่น

  • ฉันเกลียดความแข็งของที่นอน
  • เบียร์แก้วนั้นอร่อยมาก ขออีกหน่อย
  • ฉันคิดถึงพ่อที่จากไปแล้ว แต่เขายังอยู่ในความทรงจำของฉัน

หากเราสามารถใช้ชีวิตและมองโลกผ่านสายตาของจิตภายใน เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวด
เพราะไม่มีสิ่งใดหรือใครให้เราต้องแบกรับหรือครอบครอง มันเหมือนกับว่าโลกดำเนินอยู่ในสองชั้น:

  • ชั้นภายนอก เต็มไปด้วยวัตถุและกิจกรรมวุ่นวาย
  • ชั้นภายใน เงียบสงบและเรียบง่าย

แล้วเราจะมองเห็น "จิตภายใน" ได้อย่างไร?

คุณจะเข้าถึงจิตภายใน (นิ่ง โล่ง และเป็นอิสระ) ได้โดยการละความคิดแบบที่มีตัวตน (ego thoughts) เช่น ความกลัว ความเกลียด ความโกรธ ความพยาบาท ความคับข้องใจ และการแบ่งแยก ความคิดเหล่านี้อยู่ในจิตภายนอก

ตัวอย่างสถานการณ์
สมมุติว่าความเจ็บปวดของคุณเกี่ยวข้องกับความเศร้าเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นในใจคือ ความรู้สึกหนักใจ คุณเห็นภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ระหว่างคุณกับคนรัก มีช่วงเวลาที่มีความสุข ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกดีในปัจจุบัน จากนั้นคุณเห็นภาพตอนทะเลาะกัน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ทั้งหมดนี้คือวัตถุทางความคิดที่เกิดขึ้นใน จิตภายนอกและมันกินพื้นที่ทั้งหมดของจิต ทำไม? เพราะคุณให้ความสนใจแต่กับสิ่งเหล่านี้ มองมันใกล้ ๆ และลึกเกินไป จนไม่ดูสิ่งอื่น

ในความเป็นจริง ฉากเหล่านี้ก็น่าดึงดูดและให้ความบันเทิง คล้ายกับตอนที่คุณดูซีรีส์ทางทีวี
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือน "เมฆ" ที่ปกคลุมจิตภายใน จิตภายในเป็นเสมือน "ฉากหลัง" ของความคิด มันอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา แต่คุณไม่ใส่ใจที่จะมองมัน

การเห็นจิตภายในจะพาคุณออกจากรถไฟเหาะทางอารมณ์ที่เชื่อมโยงกับอดีต
อยู่กับจิตภายในทำให้คุณได้พักผ่อนและลดกิจกรรมของจิตใจ ยิ่งคุณอยู่กับจิตภายในได้นานเท่าไหร่ คุณยิ่งสามารถหลุดพ้นจากความขุ่นมัวในจิตใจได้มากขึ้นเท่านั้น และคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้น


การฝึกฝนเพื่อมองเห็นจิตภายใน

มันต้องใช้เวลา เพราะเราไม่คุ้นเคยกับมัน
เราเคยชินกับการคิด คิดถึงอดีตหรืออนาคต ปัจจุบันอยู่ตรงหน้าเรา แต่เรากลับไม่รับรู้มันจริง ๆ

สำหรับผู้เริ่มต้น การรู้ตัวว่าความคิดเกิดขึ้น และไม่ไหลไปตามความคิด ถือว่าเป็น “ปัญญาซึ่งต้องอาศัย สติและความรู้ตัวสิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงคุณออกจากความคิดแบบที่มีตัวตน

เมื่อคุณหันมาให้ความสนใจมองจิตภายใน คุณต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความตั้งใจที่จะมองจิตใน ความเพียร ความตั้งมั่นของจิตหรือสมาธิ การระลึกรู้และความรู้สึกตัว
คุณอาจเริ่มด้วยการสแกนความรู้สึกไปทั่วร่างกาย เพื่อค้นหาจิตภายใน
ในช่วงเริ่มต้น มันอาจจะไม่ง่ายนัก ต้องพยายามดูหน่อย แต่หากคุณฝึกฝนและพยายามซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ทำแบบเล่นๆ ไม่จริงจังเกินไป คุณจะสามารถ สัมผัสหรือ เห็นจิตภายในได้แน่นอน

บางครั้งคุณอาจรู้สึกถึงมันแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่จงทำต่อไป อาจเริ่มต้นด้วยการใช้เวลาเพียง 10 นาทีในตอนเช้า คุณสามารถทำได้ในท่าใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิหลับตา คุณสามารถทำระหว่างทำกิจวัตรประจำวันก็ได้ แค่สละเวลาสั้น ๆ เพื่อ แอบมองจิตภายใน ทำแบบสบาย ๆ ไม่เครียด

จงทำต่อไป เหมือนเล่นเกม จ๊ะเอ๋กับจิตของตัวเอง!





บันทึกเรียบร้อย บันทึกรายการที่ชื่นชอบเรียบร้อยแล้ว