ในการฝึกจิตให้เข้มแข็ง เพื่อสามารถรับมือกับสภาวะหรือความรู้สึกที่เราไม่ต้องการ รวมถึงความเครียดได้ เราควรเข้าใจธรรมชาติของจิตก่อน
จิตมีอยู่สองระดับ: จิตภายนอก (ใช้ในการเก็บและเรียกคืนข้อมูล คิด วิเคราะห์ รู้สึก และสร้างอารมณ์) และจิตภายใน (ว่างเปล่าหรือเป็นอิสระ)
จากการเลี้ยงดู การศึกษาในระบบ และการฝึกอบรมในสายอาชีพ เราเรียนรู้ให้ใช้จิตภายนอกเพื่อจำรหัสและความหมาย เรียกคืนข้อมูล และประเมินสิ่งต่าง ๆ กล่าวคือ จิตภายนอกใช้สำหรับการเรียนรู้ การใช้เหตุผล หรือการตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดี คนที่ฉลาดสามารถใช้จิตภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจำและดึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน จิตภายในแทบไม่เป็นที่รู้จัก และถูกละเลยในระบบการศึกษา
จิตภายในมีลักษณะ "นิ่ง ว่าง โล่ง และเฉย ปราศจากการตัดสิน" ดังนั้น มันจึงเป็นอิสระจากข้อมูล อารมณ์ และที่สำคัญคือ ปราศจากตัวตนหรืออัตตา
จริง ๆ แล้วจิตภายในอยู่กับเราตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่เรามองไม่เห็น เพราะมันถูกปกคลุมด้วยวัตถุ—ทางความคิด ทางภาพ หรือทางประสาทสัมผัส—ที่ปรากฏในจิตภายนอก วัตถุเหล่านี้เป็นต้นเหตุของความทุกข์ในชีวิต เช่น
หากเราสามารถใช้ชีวิตและมองโลกผ่านสายตาของจิตภายใน เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวด
เพราะไม่มีสิ่งใดหรือใครให้เราต้องแบกรับหรือครอบครอง มันเหมือนกับว่าโลกดำเนินอยู่ในสองชั้น:
แล้วเราจะมองเห็น "จิตภายใน" ได้อย่างไร?
คุณจะเข้าถึงจิตภายใน (นิ่ง โล่ง และเป็นอิสระ) ได้โดยการละความคิดแบบที่มีตัวตน (ego thoughts) เช่น ความกลัว ความเกลียด ความโกรธ ความพยาบาท ความคับข้องใจ และการแบ่งแยก ความคิดเหล่านี้อยู่ในจิตภายนอก
ตัวอย่างสถานการณ์
สมมุติว่าความเจ็บปวดของคุณเกี่ยวข้องกับความเศร้าเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นในใจคือ ความรู้สึกหนักใจ คุณเห็นภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ระหว่างคุณกับคนรัก มีช่วงเวลาที่มีความสุข ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกดีในปัจจุบัน จากนั้นคุณเห็นภาพตอนทะเลาะกัน ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ทั้งหมดนี้คือวัตถุทางความคิดที่เกิดขึ้นใน “จิตภายนอก” และมันกินพื้นที่ทั้งหมดของจิต ทำไม? เพราะคุณให้ความสนใจแต่กับสิ่งเหล่านี้ มองมันใกล้ ๆ และลึกเกินไป จนไม่ดูสิ่งอื่น
ในความเป็นจริง ฉากเหล่านี้ก็น่าดึงดูดและให้ความบันเทิง คล้ายกับตอนที่คุณดูซีรีส์ทางทีวี
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือน "เมฆ" ที่ปกคลุมจิตภายใน จิตภายในเป็นเสมือน "ฉากหลัง" ของความคิด มันอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา แต่คุณไม่ใส่ใจที่จะมองมัน
การเห็นจิตภายในจะพาคุณออกจากรถไฟเหาะทางอารมณ์ที่เชื่อมโยงกับอดีต
อยู่กับจิตภายในทำให้คุณได้พักผ่อนและลดกิจกรรมของจิตใจ ยิ่งคุณอยู่กับจิตภายในได้นานเท่าไหร่ คุณยิ่งสามารถหลุดพ้นจากความขุ่นมัวในจิตใจได้มากขึ้นเท่านั้น และคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้น
การฝึกฝนเพื่อมองเห็นจิตภายใน
มันต้องใช้เวลา เพราะเราไม่คุ้นเคยกับมัน
เราเคยชินกับการคิด คิดถึงอดีตหรืออนาคต ปัจจุบันอยู่ตรงหน้าเรา แต่เรากลับไม่รับรู้มันจริง ๆ
สำหรับผู้เริ่มต้น การรู้ตัวว่าความคิดเกิดขึ้น และไม่ไหลไปตามความคิด ถือว่าเป็น “ปัญญา” ซึ่งต้องอาศัย “สติและความรู้ตัว” สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงคุณออกจากความคิดแบบที่มีตัวตน
เมื่อคุณหันมาให้ความสนใจมองจิตภายใน คุณต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความตั้งใจที่จะมองจิตใน ความเพียร ความตั้งมั่นของจิตหรือสมาธิ การระลึกรู้และความรู้สึกตัว
คุณอาจเริ่มด้วยการสแกนความรู้สึกไปทั่วร่างกาย เพื่อค้นหาจิตภายใน
ในช่วงเริ่มต้น มันอาจจะไม่ง่ายนัก ต้องพยายามดูหน่อย แต่หากคุณฝึกฝนและพยายามซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ทำแบบเล่นๆ ไม่จริงจังเกินไป คุณจะสามารถ “สัมผัส” หรือ “เห็น” จิตภายในได้แน่นอน
บางครั้งคุณอาจรู้สึกถึงมันแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่จงทำต่อไป อาจเริ่มต้นด้วยการใช้เวลาเพียง 10 นาทีในตอนเช้า คุณสามารถทำได้ในท่าใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งขัดสมาธิหลับตา คุณสามารถทำระหว่างทำกิจวัตรประจำวันก็ได้ แค่สละเวลาสั้น ๆ เพื่อ “แอบมอง” จิตภายใน ทำแบบสบาย ๆ ไม่เครียด
จงทำต่อไป เหมือนเล่นเกม “จ๊ะเอ๋” กับจิตของตัวเอง!